รู้ยัง? ไม่ต้องพึ่งยา ก็รักษากรดไหลย้อนได้
“กรดไหลย้อน” เป็นปัญหากวนใจที่ทำให้หลายคนทรมาน ด้วยอาการต่าง ๆ ที่รบกวนชีวิตประจำวัน ทั้งแสบร้อนกลางอก เรอบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่น ๆ หากเป็นในระยะแรก หรืออาการยังไม่หนักมาก สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องพึ่งยา แต่หากมีอาการหนักแล้ว ก็จำเป็นต้องกินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
มาดูกันว่า จะมีวิธีการรักษากรดไหลย้อนด้วยตนเองยังไงบ้าง
1. แบ่งเป็นมื้ออาหารย่อย ๆ
ไม่ควรทานอาหารปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว เพราะอาจทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบ ควรแบ่งรับประทานอาหารในแต่ละครั้งให้น้อยลง โดยเปลี่ยนเป็นทานหลายมื้อแทน เช่น แบ่งจาก 3 มื้อ เป็น 5-6 มื้อ
1. แบ่งเป็นมื้ออาหารย่อย ๆ
ไม่ควรทานอาหารปริมาณมากๆ ในครั้งเดียว เพราะอาจทำให้อาการกรดไหลย้อนกำเริบ ควรแบ่งรับประทานอาหารในแต่ละครั้งให้น้อยลง โดยเปลี่ยนเป็นทานหลายมื้อแทน เช่น แบ่งจาก 3 มื้อ เป็น 5-6 มื้อ
2. ไม่ควรเคลื่อนไหวร่างกายเร็วเกินไปหลังกินเสร็จ
หลังรับประทานอาหารภายใน 2-3 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ แต่สามารถลุกขึ้นเดินเล่นเบา ๆ หลังมื้ออาหารได้ โดยเฉพาะการวิ่งหนัก ๆ การก้ม ๆ เงย ๆ เต้นแอโรบิก เป็นต้น
2. ไม่ควรเคลื่อนไหวร่างกายเร็วเกินไปหลังกินเสร็จ
หลังรับประทานอาหารภายใน 2-3 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ แต่สามารถลุกขึ้นเดินเล่นเบา ๆ หลังมื้ออาหารได้ โดยเฉพาะการวิ่งหนัก ๆ การก้ม ๆ เงย ๆ เต้นแอโรบิก เป็นต้น
3. หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท
ได้แก่
-
อาหารที่มีไขมันสูง ไม่ว่าจะเป็นของทอดของมันต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม เนย ชีส คุกกี้ เป็นต้น เพราะอาหารที่มีไขมันสูงจะใช้เวลาย่อยในกระเพาะนาน เมื่ออยู่ในกระเพาะนาน จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดกรดมากขึ้น และไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้
3. หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท
ได้แก่
-
อาหารที่มีไขมันสูง ไม่ว่าจะเป็นของทอดของมันต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม เนย ชีส คุกกี้ เป็นต้น เพราะอาหารที่มีไขมันสูงจะใช้เวลาย่อยในกระเพาะนาน เมื่ออยู่ในกระเพาะนาน จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดกรดมากขึ้น และไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้
-
อาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊สในกระเพาะ เช่น ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด รวมถึงอาหารที่ทำจากถั่ว เพราะอาหารกลุ่มนี้จะไปเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร อาจส่งผลให้หูรูดมีช่องว่างเปิดออกมา ทำให้น้ำย่อยหรือกรดไหลย้อนขึ้นมา
-
อาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊สในกระเพาะ เช่น ของหมักดอง อาหารรสเค็มจัด เปรี้ยวจัด รวมถึงอาหารที่ทำจากถั่ว เพราะอาหารกลุ่มนี้จะไปเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร อาจส่งผลให้หูรูดมีช่องว่างเปิดออกมา ทำให้น้ำย่อยหรือกรดไหลย้อนขึ้นมา
-
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะจะไปกระตุ้นให้กรดหลั่งมากขึ้น ทำให้หูรูดปิดตัวผิดปกติได้
-
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต โกโก้ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เพราะจะไปกระตุ้นให้กรดหลั่งมากขึ้น ทำให้หูรูดปิดตัวผิดปกติได้
4. ลดน้ำหนัก
หากน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน มักมีโอกาสเป็นกรดไหลย้อนได้ง่ายกว่าคนที่น้ำหนักตัวปกติ การลดน้ำหนักจึงช่วยให้อาการของกรดไหลย้อนดีขึ้นได้
4. ลดน้ำหนัก
หากน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน มักมีโอกาสเป็นกรดไหลย้อนได้ง่ายกว่าคนที่น้ำหนักตัวปกติ การลดน้ำหนักจึงช่วยให้อาการของกรดไหลย้อนดีขึ้นได้
5. งดสูบบุหรี่
หากใครที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ควรเลิกสูบบุหรี่ถาวร เพราะสารนิโคตินในบุหรี่อาจทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารหย่อนคล้อยลง น้ำย่อยที่เป็นกรดจึงอาจไหลย้อนไปที่อื่นในร่างกายได้ง่ายมากขึ้น เช่น หลอดอาหาร คอ ปาก
5. งดสูบบุหรี่
หากใครที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ควรเลิกสูบบุหรี่ถาวร เพราะสารนิโคตินในบุหรี่อาจทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารหย่อนคล้อยลง น้ำย่อยที่เป็นกรดจึงอาจไหลย้อนไปที่อื่นในร่างกายได้ง่ายมากขึ้น เช่น หลอดอาหาร คอ ปาก
6. นั่งหรือยืนหลังตรง หลังกินอาหารเสร็จ
หลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ควรนั่งหรือยืนหลังตรงๆ เพราะช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารอยู่ในส่วนที่มันควรจะเป็น ไม่ไหลย้อนขึ้นมาที่กลางอกให้เรารู้สึกแสบ และไม่ควรเข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหารให้เสร็จ ควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง
6. นั่งหรือยืนหลังตรง หลังกินอาหารเสร็จ
หลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ควรนั่งหรือยืนหลังตรงๆ เพราะช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารอยู่ในส่วนที่มันควรจะเป็น ไม่ไหลย้อนขึ้นมาที่กลางอกให้เรารู้สึกแสบ และไม่ควรเข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหารให้เสร็จ ควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง
7. นอนหลังพิงหัวเตียง หรือใช้หมอนกันกรดไหลย้อน
หากใครที่มีอาการมากๆ ไม่สามารถเอนตัวนอนลงบนพื้นราบได้ เพราะกรดอาจจะไหลย้อนมาที่กลางอกในตอนกลางคืน ก็ควรนอนหลับในท่าหลังพิงหัวเตียง ให้หัวสูงกว่าเท้า 6-8 นิ้ว หรือใช้ หมอนกันกรดไหลย้อน ของ Chowa ที่ปรับระดับได้หลากหลาย หมอนจะรองรับสรีระทุกส่วน ตั้งแต่สะโพก หลัง ไปจนถึงคอ ให้นอนได้สบาย ช่วยป้องกันกรดไหลย้อนได้อย่างดี
7. นอนหลังพิงหัวเตียง หรือใช้หมอนกันกรดไหลย้อน
หากใครที่มีอาการมากๆ ไม่สามารถเอนตัวนอนลงบนพื้นราบได้ เพราะกรดอาจจะไหลย้อนมาที่กลางอกในตอนกลางคืน ก็ควรนอนหลับในท่าหลังพิงหัวเตียง ให้หัวสูงกว่าเท้า 6-8 นิ้ว หรือใช้ หมอนกันกรดไหลย้อน ของ Chowa ที่ปรับระดับได้หลากหลาย หมอนจะรองรับสรีระทุกส่วน ตั้งแต่สะโพก หลัง ไปจนถึงคอ ให้นอนได้สบาย ช่วยป้องกันกรดไหลย้อนได้อย่างดี
หากลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้แล้วอาการกรดไหลย้อนยังไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม และวิธีรักษาที่เหมาะสมต่อไป
คลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมอนกันกรดไหลย้อน
Chowa 초와 สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพการนอนระดับพรีเมียมจากประเทศเกาหลี
ที่จะยกระดับการนอนและการพักผ่อนของคุณให้ดียิ่งขึ้น
คุณมีปัญหาเรื่องการนอนอยู่หรือเปล่า？นั่นก็เพราะว่าคุณยังไม่เคยใช้สินค้าของ Chowa
Chowa โชวาอยากเห็นคนไทยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เหมือนคนเกาหลี เพราะเราเชื่อว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โชวาจึงเริ่มจากวิจัยการใช้ชีวิตของคนเกาหลี และนำเอานวัตกรรมหมอนเกาหลีมาประยุกต์ใช้กับหมอนกันกรดไหลย้อนของเรา เราฝันอยากจะให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเหมือนที่คนเกาหลีใช้
หมอนกันกรดไหลย้อนเป็นหมอนที่สร้างมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ เซตหมอนทั้งหมด 4 ชิ้น พิเศษที่สามารถปรับระดับองศาเอนนอนได้ ปรับใช้งานได้ถึง 15 รูปแบบ ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนให้ดีขึ้น ทำให้การนั่งและการนอนถูกตามหลักสรีรศาสตร์
ลูกค้าที่เคยใช้งานพูดถึงสินค้า Chowa ว่า…
“เป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่ใช้ดีทุกชิ้นเลยจริงๆ การนอนดีขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้หมอนโชวา ซื้อไปฝากญาติพี่น้องทุกคนในครอบครัว ก็ติดใจกันหมด ใครที่ยังไม่เคยใช้บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ ” — คุณ ภัทรพร
