ในช่วงที่ทุกคนเครียดๆ มีแต่ข่าวคราวของโรคระบาด ภัยธรรมชาติ และภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจทำให้จิตใจห่อเหี่ยวได้ง่ายๆ สมองเกิดความเครียดหลายเรื่องจนดูเหมือนจะตั้งรับไม่ไหว เราจึงอยากจะชวนทุกคนมารีบูตสมองให้สตรองขึ้น พร้อมกับรีเฟรชจิตใจให้สดใสมากยิ่งขึ้น ด้วย 6 วิธีฝึกสมองและจิตใจให้สตรองขึ้น
1. ออกกำลังกาย
จากการวิจัยโดย Dr. Wendy A. Suzuki ศาสตราจารย์ทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (neuroscience) แห่งศูนย์วิทยาศาสตร์ทางสมอง มหาวิทยาลัย New York University พบว่าการออกกำลังกายสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะสมองเสื่อมได้ถึง 30% เพียงแค่คุณเดินหรือออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบสมองและระบบความทรงจำ นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพยังส่งผลถึงสภาวะทางอารมณ์ ลดทั้งการเป็นโรคบาดเจ็บทางสมอง โรคอัลไซเมอร์ และภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
เพียงแค่คุณเดินหรือออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบสมองและระบบความทรงจำ นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพยังส่งผลถึงสภาวะทางอารมณ์ ลดทั้งการเป็นโรคบาดเจ็บทางสมอง โรคอัลไซเมอร์ และภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
1. ออกกำลังกาย
จากการวิจัยโดย Dr. Wendy A. Suzuki ศาสตราจารย์ทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์ (neuroscience) แห่งศูนย์วิทยาศาสตร์ทางสมอง มหาวิทยาลัย New York University พบว่าการออกกำลังกายสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะสมองเสื่อมได้ถึง 30%
เพียงแค่คุณเดินหรือออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบสมองและระบบความทรงจำ นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพยังส่งผลถึงสภาวะทางอารมณ์ ลดทั้งการเป็นโรคบาดเจ็บทางสมอง โรคอัลไซเมอร์ และภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
2. การทำสมาธิเบื้องต้น
รศ. ดร. ภญ. ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บอกเคล็ดลับวิธีการแก้ความเครียดด้วยการลดความตึงเครียดทางด้านจิตใจ อย่างการสร้างอารมณ์และคิดในเชิงบวก รวมถึงการทำสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นนั่งสมาธิหรือการกำหนดลมหายใจ ก็ช่วยบรรเทาความเครียดได้ เพียงแค่เราจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็สามารถขจัดความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป ช่วยให้ความเครียด ความวิตกกังวลหายไป
2. การทำสมาธิเบื้องต้น
รศ. ดร. ภญ. ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บอกเคล็ดลับวิธีการแก้ความเครียดด้วยการลดความตึงเครียดทางด้านจิตใจ อย่างการสร้างอารมณ์และคิดในเชิงบวก รวมถึงการทำสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นนั่งสมาธิหรือการกำหนดลมหายใจ ก็ช่วยบรรเทาความเครียดได้ เพียงแค่เราจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็สามารถขจัดความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป ช่วยให้ความเครียด ความวิตกกังวลหายไป
2. การทำสมาธิเบื้องต้น
รศ. ดร. ภญ. ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บอกเคล็ดลับวิธีการแก้ความเครียดด้วยการลดความตึงเครียดทางด้านจิตใจ อย่างการสร้างอารมณ์และคิดในเชิงบวก รวมถึงการทำสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นนั่งสมาธิหรือการกำหนดลมหายใจ ก็ช่วยบรรเทาความเครียดได้ เพียงแค่เราจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็สามารถขจัดความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป ช่วยให้ความเครียด ความวิตกกังวลหายไป
3. การออกกำลังกายสมอง
การออกกำลังสมองหรือนิวโรบิค (neurobic exercise) โดย Dr. Lawrence Katz นักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Duke University Medical Center ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบการฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของสมองโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทั้งการมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส และสัมผัส โดยทำได้ง่ายนิดเดียว แค่ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดแปรงฟัน ใช้ตะเกียบแทนช้อนส้อม หลับตาตอนสระผม ดูปฏิทินกลับหัว นั่นคือการที่ทำในสิ่งที่สมองตนเองไม่ถนัดเพื่อให้สมองได้เกิดการเรียนรู้ใหม่นั่นเอง
ทั้งการมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส และสัมผัส โดยทำได้ง่ายนิดเดียว แค่ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดแปรงฟัน ใช้ตะเกียบแทนช้อนส้อม หลับตาตอนสระผม ดูปฏิทินกลับหัว นั่นคือการที่ทำในสิ่งที่สมองตนเองไม่ถนัดเพื่อให้สมองได้เกิดการเรียนรู้ใหม่นั่นเอง
3. การออกกำลังกายสมอง
การออกกำลังสมองหรือนิวโรบิค (neurobic exercise) โดย Dr. Lawrence Katz นักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Duke University Medical Center ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบการฟื้นฟูประสิทธิภาพการทำงานของสมองโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
ทั้งการมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส และสัมผัส โดยทำได้ง่ายนิดเดียว แค่ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดแปรงฟัน ใช้ตะเกียบแทนช้อนส้อม หลับตาตอนสระผม ดูปฏิทินกลับหัว นั่นคือการที่ทำในสิ่งที่สมองตนเองไม่ถนัดเพื่อให้สมองได้เกิดการเรียนรู้ใหม่นั่นเอง
หลายคนมักเคยได้ยินว่าสมองดีมักเริ่มต้นที่อาหาร คำนั้นไม่ไกลจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก โดยสารอาหารที่สำคัญต่อการบำรุงระบบประสาทและสมอง ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินซี และวิตามินอี สารอาหารดังกล่าวจะช่วยทั้งบำรุงและสนับสนุนการทำงานของสมอง รวมถึงช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้อีกด้วย
หลายคนมักเคยได้ยินว่าสมองดีมักเริ่มต้นที่อาหาร คำนั้นไม่ไกลจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก โดยสารอาหารที่สำคัญต่อการบำรุงระบบประสาทและสมอง ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินซี และวิตามินอี สารอาหารดังกล่าวจะช่วยทั้งบำรุงและสนับสนุนการทำงานของสมอง รวมถึงช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้อีกด้วย
6. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
นอนดึก นอนไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สมองล้าและสมองเสื่อม โดยอาจมีสัญญาณเตือน เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง สายตาอ่อนเพลีย และอื่นๆ ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมง รวมถึงเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่ม จะช่วยเสริมความทรงจำ ลดความอ่อนล้าของสมอง และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ ทำให้เรามีสมองและจิตใจที่แข็งแรงขึ้น
6. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
นอนดึก นอนไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สมองล้าและสมองเสื่อม โดยอาจมีสัญญาณเตือน เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง สายตาอ่อนเพลีย และอื่นๆ ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมง รวมถึงเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่ม จะช่วยเสริมความทรงจำ ลดความอ่อนล้าของสมอง และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ ทำให้เรามีสมองและจิตใจที่แข็งแรงขึ้น
6. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
นอนดึก นอนไม่เพียงพอเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สมองล้าและสมองเสื่อม โดยอาจมีสัญญาณเตือน เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง สายตาอ่อนเพลีย และอื่นๆ ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณวันละ 7-8 ชั่วโมง รวมถึงเข้านอนไม่เกินสี่ทุ่ม จะช่วยเสริมความทรงจำ ลดความอ่อนล้าของสมอง และช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ ทำให้เรามีสมองและจิตใจที่แข็งแรงขึ้น
6 เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงขึ้น ลองนำไปปรับใช้กับตัวเองเพื่อให้ร่างกายเราสุขภาพดีขึ้น และที่สำคัญอย่าลืมนอนหลับให้เพียงพอ เราขอเสนอตัวช่วยดีๆ ในการนอนหลับ “หมอนโคซี่” จากแบรนด์ Chowa ที่จะทำให้การนอนของทุกคนสบายยิ่งขึ้น สมองไม่ล้า ไร้ความกังวลและห่างไกลจากความเครียด
คลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมอนโคซี่
Chowa 초와 สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพการนอนระดับพรีเมียมจากประเทศเกาหลี
ที่จะยกระดับการนอนและการพักผ่อนของคุณให้ดียิ่งขึ้น
Chowa โชวาอยากเห็นคนไทยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เหมือนคนเกาหลี เพราะเราเชื่อว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โชวาจึงเริ่มจากวิจัยการใช้ชีวิตของคนเกาหลี และนำเอานวัตกรรมหมอนเกาหลีมาประยุกต์ใช้กับหมอนโคซี่ของเรา เราฝันอยากจะให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเหมือนที่คนเกาหลีใช้
หมอนโคซี่ใบนี้เป็นหมอนที่สร้างมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ พิเศษที่สามารถปรับความสูงต่ำของหมอนได้ตามต้องการ วัสดุด้านในประกอบไปด้วยไฮเปอร์เมมโมรี่โฟมและไมโครไฟเบอร์ ช่วยรองรับต้นคอและศีรษะอย่างพอดี ให้สัมผัสเหมือนนอนอยู่บนปุยเมฆที่นุ่มฟู
“เป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่ใช้ดีทุกชิ้นเลยจริงๆ การนอนดีขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้หมอนโชวา ซื้อไปฝากญาติพี่น้องทุกคนในครอบครัว ก็ติดใจกันหมด ใครที่ยังไม่เคยใช้บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ ” — คุณ ภัทรพร