เสียงรบกวนส่งผลต่อการนอนหลับอย่างไร

เสียงรบกวนที่ดังในเวลากลางคืนไม่เพียงแต่ทำให้รำคาญหู แต่ยังส่งผลกระทบต่อ “วงจรการนอนหลับ” ของเราได้ เมื่อได้รับเสียงรบกวนอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ภาวะนอนไม่หลับเรื้อรัง (Insomnia) โดยอาจจะนอนหลับยาก หรือหลับๆ ตื่นๆ ระหว่างคืนก็เป็นได้ อีกทั้งทั้งยังส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและจิตใจด้วย

คนเราไม่ควรนอนในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เพราะการนอนในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน เช่น เสียงทีวี เสียงคุย หรือเสียงจราจร อาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสมและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคความดันสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจ ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเพื่อการนอนหลับที่ดีและสุขภาพที่แข็งแรง

ระดับเสียงไม่ควรเกินเท่าไรถึงจะส่งผลดีต่อการนอนหลับ

องค์การอนามัยโลก (WHO: The World Health Organization)  แนะนำว่าระดับเสียงในห้องนอนควรต่ำกว่า 45 dBA (LAFmax) เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนหลับเกิน 10-15 นาทีในหนึ่งคืน ถ้าบ้านของคุณใกล้สนามบิน เสียงเครื่องบินไม่ควรดังเกินกว่า 10-30 วินาทีที่ระดับเสียง 55-60 dBA (LAFmax) และโดยรวมตลอดคืน ระดับเสียงเฉลี่ยไม่ควรเกิน 30 dBA (LAeq8h) ตัวเลขเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการปัญหาเสียงรบกวน ไม่ได้ใช้ตัดสินข้อพิพาทในแต่ละพื้นที่

การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

การนอนหลับที่ดีไม่ใช่แค่การนอน 7-8 ชั่วโมง แต่ยังต้องตื่นขึ้นมารู้สึกสดชื่นด้วย สำหรับการนอนหลับที่มีคุณภาพ ควรอยู่ในที่ที่ระดับเสียงพื้นฐานไม่เกิน 30 dBA และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเสียงพื้นฐานเกิน 45 dBA เช่น ใกล้ถนน, ทางรถไฟ, สนามบิน, งานก่อสร้าง หรือโรงงานที่มีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เสียงดังในตอนกลางคืนสามารถทำให้การนอนหลับยากขึ้นและทำให้คุณตื่นระหว่างกลางคืนได้

อย่างไรก็ตาม เสียงต่างๆ เป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันและเสียงบางเสียงก็ยังเป็นเสียงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองใช้ที่อุดหู หรือหูฟังช่วยหากต้องอยู่ในสภาวะที่มีเสียงดัง หรืออาจจะเป็นสร้างเสียง white noise ขึ้นมาให้กลบเสียงที่มาจากเสียงภายนอก ก็ช่วยได้นะคะ