พ่อแม่มือใหม่เตรียมตัวอย่างไรก่อนทารกเกิด
การเลี้ยงทารก เลี้ยงเด็กไม่มีบทเรียนหรือหลักการที่ตายตัว ทำให้พ่อแม่มือใหม่หลายคนเกิดความกังวลว่าจะสามารถดูแลลูกได้อย่างดีที่สุดหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการของเด็กในช่วง 1 ขวบปีแรกคือสิ่งที่สำคัญ พ่อแม่ต้องคอยอยู่ใกล้ชิดและมอบความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นพ่อแม่มือใหม่ เรามี 5 ข้อง่ายๆ ที่จะช่วยให้การเลี้ยงดูเด็กเล็กเป็นเรื่องง่ายขึ้น หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
พ่อแม่มือใหม่เตรียมตัว
อย่างไรก่อนทารกเกิด
การเลี้ยงทารก เลี้ยงเด็กไม่มีบทเรียนหรือหลักการที่ตายตัว ทำให้พ่อแม่มือใหม่หลายคนเกิดความกังวลว่าจะสามารถดูแลลูกได้อย่างดีที่สุดหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการของเด็กในช่วง 1 ขวบปีแรกคือสิ่งที่สำคัญ พ่อแม่ต้องคอยอยู่ใกล้ชิดและมอบความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่ สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นพ่อแม่มือใหม่ เรามี 5 ข้อง่ายๆ ที่จะช่วยให้การเลี้ยงดูเด็กเล็กเป็นเรื่องง่ายขึ้น หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
1. อย่ากังวลมากเกินไป
เชื่อว่าพ่อแม่มือใหม่ แค่ลูกขยับตัวหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรก็จะเกิดความรู้สึกตื่นเต้น แต่หากตื่นตูมมากเกินไปกับสิ่งที่ลูกเป็น เช่น สำรอกนม ร้องไห้บ่อยๆ หรือตัวร้อนโดยไม่ทราบสาเหตุ ความกังวลของคุณอาจจะส่งผลให้ลูกน้อยรู้สึกกังวลแบบไม่รู้ตัวไปด้วย เพราะพฤติกรรมและอารมณ์ของพ่อแม่มีผลต่อความรู้สึกของลูก ดังนั้น หากพ่อแม่เลี้ยงดูแลลูกอย่างเหมาะสมถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป อาการเหล่านี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด
1. อย่ากังวลมากเกินไป
เชื่อว่าพ่อแม่มือใหม่ แค่ลูกขยับตัวหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรก็จะเกิดความรู้สึกตื่นเต้น แต่หากตื่นตูมมากเกินไปกับสิ่งที่ลูกเป็น เช่น สำรอกนม ร้องไห้บ่อยๆ หรือตัวร้อนโดยไม่ทราบสาเหตุ ความกังวลของคุณอาจจะส่งผลให้ลูกน้อยรู้สึกกังวลแบบไม่รู้ตัวไปด้วย เพราะพฤติกรรมและอารมณ์ของพ่อแม่มีผลต่อความรู้สึกของลูก
ดังนั้น หากพ่อแม่เลี้ยงดูแลลูกอย่างเหมาะสมถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป อาการเหล่านี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด
1. อย่ากังวลมากเกินไป
เชื่อว่าพ่อแม่มือใหม่ แค่ลูกขยับตัวหรือแสดงปฏิกิริยาอะไรก็จะเกิดความรู้สึกตื่นเต้น แต่หากตื่นตูมมากเกินไปกับสิ่งที่ลูกเป็น เช่น สำรอกนม ร้องไห้บ่อยๆ หรือตัวร้อนโดยไม่ทราบสาเหตุ ความกังวลของคุณอาจจะส่งผลให้ลูกน้อยรู้สึกกังวลแบบไม่รู้ตัวไปด้วย เพราะพฤติกรรมและอารมณ์ของพ่อแม่มีผลต่อความรู้สึกของลูก ดังนั้น หากพ่อแม่เลี้ยงดูแลลูกอย่างเหมาะสมถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกมากเกินไป อาการเหล่านี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด
2. คิดว่าการร้องไห้เป็นเรื่องใหญ่
แค่เห็นลูกร้องไห้คนเป็นแม่ก็รู้สึกจะขาดใจตาม เพราะกลัวลูกจะเจ็บหรือกลัวว่ามีอาการผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น แต่จริงแล้วเด็กทารกกับการร้องไห้ถือเป็นของคู่กัน บางครั้งเด็กอาจร้องเพราะไม่ได้ดั่งใจ หิว หรือต้องการความใกล้ชิดก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด แต่หากเมื่อใดที่ลูกน้อยร้องต่อเนื่องไม่หยุดบวกกับมีอาการตัวร้อน นั่นแปลว่าเบบี๋กำลังป่วย ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน
2. คิดว่าการร้องไห้เป็นเรื่องใหญ่
แค่เห็นลูกร้องไห้คนเป็นแม่ก็รู้สึกจะขาดใจตาม เพราะกลัวลูกจะเจ็บหรือกลัวว่ามีอาการผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น แต่จริงแล้วเด็กทารกกับการร้องไห้ถือเป็นของคู่กัน บางครั้งเด็กอาจร้องเพราะไม่ได้ดั่งใจ หิว หรือต้องการความใกล้ชิดก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด แต่หากเมื่อใดที่ลูกน้อยร้องต่อเนื่องไม่หยุดบวกกับมีอาการตัวร้อน นั่นแปลว่าเบบี๋กำลังป่วย ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน
3. หมั่นเช็คอุณหภูมิของลูกน้อย
เมื่อลูกน้อยเป็นไข้ มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส ตัวก็จะเริ่มร้อนและจะร้องไห้ไม่หยุด ฉะนั้นต้องหมั่นสังเกตอาการ และตรวจเช็ค อุณหภูมิร่างกายของลูกให้ดี อย่าเข้าใจผิดว่า ลูกตัวอุ่นเพราะห่มผ้าหรือเสื้อผ้าที่ใส่ ถ้าตัวเลขบนเครื่องวัดอุณหภูมิแสดงเลข 37 เมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวพาไปพบคุณหมอได้เลย
3. หมั่นเช็คอุณหภูมิของลูกน้อย
เมื่อลูกน้อยเป็นไข้ มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส ตัวก็จะเริ่มร้อนและจะร้องไห้ไม่หยุด ฉะนั้นต้องหมั่นสังเกตอาการ และตรวจเช็ค อุณหภูมิร่างกายของลูกให้ดี อย่าเข้าใจผิดว่า ลูกตัวอุ่นเพราะห่มผ้าหรือเสื้อผ้าที่ใส่ ถ้าตัวเลขบนเครื่องวัดอุณหภูมิแสดงเลข 37 เมื่อไหร่ ก็เตรียมตัวพาไปพบคุณหมอได้เลย
4. จัดท่านั่งและท่านอนให้เหมาะสมเวลาอุ้มลูก
พ่อแม่มือใหม่อาจมีการฝึกการอุ้มเพื่อให้ทารกอยู่ในท่าที่เหมาะสมและสบายตัว แต่กลับลืมสังเกตท่าทางของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเป็นแม่ ไม่ว่าจะยืน หรือนั่ง อย่าลืมว่าการอุ้มทารกที่มีน้ำหนักหลายกิโล หากไม่ระวังอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้ ยิ่งถ้าอุ้มลูกแล้วนั่งโดยไม่มีอะไรพิงหลัง ก็เสี่ยงจะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ ขอแนะนำให้มีหมอนนุ่มๆ ไว้รองหลังระหว่างดูแลลูกน้อย รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความแฮปปี้ทั้งคุณแม่และคุณลูกได้เป็นอย่างดี
4. จัดท่านั่งและท่านอนให้เหมาะสมเวลาอุ้ม
พ่อแม่มือใหม่อาจมีการฝึกการอุ้มเพื่อให้ทารกอยู่ในท่าที่เหมาะสมและสบายตัว แต่กลับลืมสังเกตท่าทางของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเป็นแม่ ไม่ว่าจะยืน หรือนั่ง อย่าลืมว่าการอุ้มทารกที่มีน้ำหนักหลายกิโล หากไม่ระวังอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้
ยิ่งถ้าอุ้มลูกแล้วนั่งโดยไม่มีอะไรพิงหลัง ก็เสี่ยงจะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ ขอแนะนำให้มีหมอนนุ่มๆ ไว้รองหลังระหว่างดูแลลูกน้อย รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความแฮปปี้ทั้งคุณแม่และคุณลูกได้เป็นอย่างดี
4. จัดท่านั่งและท่านอนให้เหมาะสมเวลาอุ้ม
พ่อแม่มือใหม่อาจมีการฝึกการอุ้มเพื่อให้ทารกอยู่ในท่าที่เหมาะสมและสบายตัว แต่กลับลืมสังเกตท่าทางของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเป็นแม่ ไม่ว่าจะยืน หรือนั่ง อย่าลืมว่าการอุ้มทารกที่มีน้ำหนักหลายกิโล หากไม่ระวังอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้
ยิ่งถ้าอุ้มลูกแล้วนั่งโดยไม่มีอะไรพิงหลัง ก็เสี่ยงจะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ ขอแนะนำให้มีหมอนนุ่มๆ ไว้รองหลังระหว่างดูแลลูกน้อย รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความแฮปปี้ทั้งคุณแม่และคุณลูกได้เป็นอย่างดี
5. มอบความรักอย่างเต็มที่
เมื่ออายุได้ 6 สัปดาห์ขึ้นไป เด็กน้อยจะเริ่มมีการตอบสนองกับสิ่งรอบข้างบ้างแล้ว เริ่มหันตามเสียง สนใจเสียงที่ได้ยิน ดังนั้นเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการพูดจา ไม่ควรทะเลาะ หรือพูดจาเสียงดังให้ลูกน้อยได้ยิน เพราะเด็กอาจจะจดจำและซึมซับได้ ดังนั้น นอกจากจะมอบความรัก ความอบอุ่น และใส่ใจลูกอย่างเต็มที่แล้ว อย่าลืมดูแลเอาใจใส่คนข้างๆ ด้วยนะคะ
ยิ่งถ้าอุ้มลูกแล้วนั่งโดยไม่มีอะไรพิงหลัง ก็เสี่ยงจะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ ขอแนะนำให้มีหมอนนุ่มๆ ไว้รองหลังระหว่างดูแลลูกน้อย รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความแฮปปี้ทั้งคุณแม่และคุณลูกได้เป็นอย่างดี
5. มอบความรักอย่างเต็มที่
เมื่ออายุได้ 6 สัปดาห์ขึ้นไป เด็กน้อยจะเริ่มมีการตอบสนองกับสิ่งรอบข้างบ้างแล้ว เริ่มหันตามเสียง สนใจเสียงที่ได้ยิน ดังนั้นเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการพูดจา ไม่ควรทะเลาะ หรือพูดจาเสียงดังให้ลูกน้อยได้ยิน เพราะเด็กอาจจะจดจำและซึมซับได้
ดังนั้น นอกจากจะมอบความรัก ความอบอุ่น และใส่ใจลูกอย่างเต็มที่แล้ว อย่าลืมดูแลเอาใจใส่คนข้างๆ ด้วยนะคะ
5. มอบความรักอย่างเต็มที่
เมื่ออายุได้ 6 สัปดาห์ขึ้นไป เด็กน้อยจะเริ่มมีการตอบสนองกับสิ่งรอบข้างบ้างแล้ว เริ่มหันตามเสียง สนใจเสียงที่ได้ยิน ดังนั้นเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ต้องดูแลเอาใจใส่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการพูดจา ไม่ควรทะเลาะ หรือพูดจาเสียงดังให้ลูกน้อยได้ยิน เพราะเด็กอาจจะจดจำและซึมซับได้ ดังนั้นนอกจากจะมอบความรัก ความอบอุ่น และใส่ใจลูกอย่างเต็มที่แล้ว อย่าลืมดูแลเอาใจใส่คนข้างๆ ด้วยนะคะ
เป็นยังไงกันบ้างกับ 5 ข้อที่ Chowa นำมาฝาก หวังว่าจะช่วยให้พ่อแม่มือใหม่เตรียมตัวเลี้ยงลูกน้อยได้ง่ายขึ้น เตรียมตัวต้อนรับทารกแล้ว อย่าลืมเติมสิ่งดีๆ สำหรับคุณแม่หรือคนที่รักด้วย หมอนคนท้อง หมอนเพื่อคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อย่างแท้จริง ออกแบบมาเพื่อทดแทนการใช้หมอนหลายใบ ดีไซน์หมอนตัว F ที่จะโอบรับสรีระทั้งตัว ใช้นอนได้ทั้ง 2 ด้าน ช่วยพยุงท้องและรองรับหลังโดยไม่ต้องพลิกตัว ช่วยลดอาการปวดหลัง และเอว ซัพพอร์ตคุณแม่ให้นอนสบายยิ่งขึ้น
คลิกด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมอนคนท้อง
Chowa 초와 สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพการนอนระดับพรีเมียมจากประเทศเกาหลี
ที่จะยกระดับการนอนและการพักผ่อนของคุณให้ดียิ่งขึ้น
คุณมีปัญหาเรื่องการนอนอยู่หรือเปล่า？นั่นก็เพราะว่าคุณยังไม่เคยใช้สินค้าของ Chowa
Chowa โชวาอยากเห็นคนไทยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เหมือนคนเกาหลี เพราะเราเชื่อว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โชวาจึงเริ่มจากวิจัยการใช้ชีวิตของคนเกาหลี และนำเอานวัตกรรมหมอนเกาหลีมาประยุกต์ใช้กับหมอนของเรา เราฝันอยากจะให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเหมือนที่คนเกาหลีใช้
หมอนคนท้องใบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะ มอบความสบายสูงสุด รองรับท้องและหลังอย่างสมบูรณ์แบบ ให้คุณแม่พักผ่อนได้เต็มที่และสุขภาพดีตลอดการตั้งครรภ์ พิเศษตรงที่สามารถปรับยืดตำแหน่งได้ตามอายุครรภ์
ลูกค้าที่เคยใช้งานพูดถึงสินค้า Chowa ว่า…
“เป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่ใช้ดีทุกชิ้นเลยจริงๆ การนอนดีขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้หมอนโชวา ซื้อไปฝากญาติพี่น้องทุกคนในครอบครัว ก็ติดใจกันหมด ใครที่ยังไม่เคยใช้บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ ” — คุณ ภัทรพร
