1. ถอดที่นอนออก

เริ่มแรกให้ถอดผ้าปู ท็อปเปอร์หรือแผ่นรองกันเปื้อนออกมาก่อน รวมถึงปลอกหมอน หมอนข้าง หรือหมอนพิงหลังบนเตียง เมื่อถอดออกจนหมดแล้ว ให้ปัดฝุ่นทำความสะอาดหมอน ส่วนท็อปเปอร์ ยกออกมาเพื่อเตรียมทำความสะอาดแบบจัดเต็ม

2. ผ้าซับตรงรอยเปื้อน

ในกรณีที่มีรอยเปื้อนบนที่นอน เช่น เศษอาหาร คราบน้ำลายหรือปัสสาวะ ให้นำผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดช้าๆ ทีละจุด ข้อสำคัญคือห้ามขัด เพราะจะทำให้ที่นอนเกิดความเสียหาย หรือฉีกขาดได้ง่าย ให้ค่อยๆ เช็ด ก่อนจะตามด้วยการลงน้ำยาหรือน้ำส้มสายชูที่ช่วยให้คราบสกปรกหลุดร่อนได้ง่ายขึ้น

3. เช็ดคราบด้วยน้ำส้มสายชู

เทคนิคขจัดคราบสกปรกแบบง่ายๆ ให้นำน้ำส้มสายชูราดไปบริเวณที่มีคราบ จากนั้นค่อยๆ ขัดเบาๆ จะช่วยทำให้คราบหลุดร่อนหรือสีจางลงได้ แต่หากหาน้ำส้มสายชูไม่ได้ อาจเปลี่ยนไปใช้เบคกิ้งโซดา หรือสเปรย์ทำความสะอาด ก็ใช้เช็ดทำความสะอาดได้เช่นกัน

4. นำที่นอนไปตากแดด

นอกจากปัญหาที่นอนสกปรกและมีคราบเหลืองแล้ว หากที่นอนมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับชื้น ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ซึ่งปัญหากลิ่นอับชื้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการนำที่นอนไปตากแดด เนื่องจากแสงแดดมี UV ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงลดความชื้นในที่นอน ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้น โดยการตากแดดให้ได้ผลดีที่สุด ควรตากตอนที่มีอุณหภูมิ 55 - 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที หรือตากในตอนเวลาบ่าย 2 ซึ่งเป็นช่วงที่แดดแรงมากที่สุดของวัน

5. ใช้ท็อปเปอร์มาปูทับบนที่นอน

การใช้ท็อปเปอร์ปูทับบนฟูกนอนไม่เพียงแต่ช่วยให้ที่นอนนุ่มและนอนสบายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันความสกปรกบนที่นอนได้ เนื่องจากท็อปเปอร์มีขนาดที่หนากว่าผ้าปูปกติ ทำให้คราบสกปรกไม่สามารถทะลุไปถึงฟูกนอนของเราได้ นอกจากนี้ หากท็อปเปอร์เลอะคราบต่างๆ ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าฟูกนอน เพราะมีขนาดที่บางกว่านั่นเอง