• หน้าแรก
  • สินค้าทั้งหมด
  • สินค้า Set
  • บทความ
  • ดูรีวิว
  • เกี่ยวกับเรา
0
  • หน้าแรก
  • สินค้าทั้งหมด
  • สินค้า Set
  • บทความ
  • เกี่ยวกับเรา
  • ดูรีวิว
0
ดูรายละเอียดสินค้า

นอนอย่างไรเรียกว่าดี??


การนอนนั้นสำคัญกับร่างกายและสุขภาพของเรามากๆ หากวันไหนนอนไม่พอ จะสังเกตจากขอบตาว่ามีความดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า สิวขึ้น หน้าตาดูไม่สดใสเอาซะเลย ยิ่งกว่านั้นยังทำให้ตื่นมาแล้วงัวเงียหรือลุกจากเตียงยาก ทั้งที่นอนครบ 6-8 ชั่วโมงแล้ว นั่นอาจเกิดจากการถูกปลุกให้ตื่นในช่วงที่กำลังหลับลึกก็เป็นได้


ฉะนั้น มารีบูสต์การนอนหลับของตัวเองใหม่ ด้วยการทำความเข้าใจ “วงจรการนอนหลับ” กันดีกว่า

วงจรการนอนหลับคืออะไร (Sleep Cycle)

โดยหลักแล้ว มนุษย์เรามีวงจรการนอนหลับของตนเองอยู่ 2 ช่วง ได้แก่

  • NON-REM Sleep (Non Rapid Eye Sleep) คือช่วงการหลับตื้นไปจนถึงหลับลึก
  • REM Sleep (Rapid Eye Movement Sleep) คือช่วงหลับฝัน การทำงานของกล้ามเนื้อต่างๆ จะหยุดทำงาน ยกเว้นกระบังลม กล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อตา และหัวใจ ช่วงวงจรนี้แหล่ะเป็นวงจรที่ทำให้คุณฝัน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืด 

วงจรการนอนหลับคืออะไร (Sleep Cycle)

โดยหลักแล้ว มนุษย์เรามีวงจรการนอนหลับของตนเองอยู่ 2 ช่วง ได้แก่

  • NON-REM Sleep (Non Rapid Eye Sleep) คือช่วงการหลับตื้นไปจนถึงหลับลึก

  • REM Sleep (Rapid Eye Movement Sleep) คือช่วงหลับฝัน การทำงานของกล้ามเนื้อต่างๆ จะหยุดทำงาน ยกเว้นกระบังลม กล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อตา และหัวใจ ช่วงวงจรนี้แหล่ะเป็นวงจรที่ทำให้คุณฝัน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืด 

มาเจาะลึกถึงรายละเอียดระดับการนอนหลับในส่วนนี้กัน

มาเจาะลึกถึงรายละเอียดระดับการนอนหลับในส่วนนี้กัน

1) ช่วงหลับธรรมดา NON-REM Sleep (Non Rapid Eye Sleep)

เป็นช่วงการนอนหลับที่สามารถแบ่งได้อีก 3 ระยะ ดังต่อไปนี้ 

1) ช่วงหลับธรรมดา NON-REM Sleep (Non Rapid Eye Sleep)

เป็นช่วงการนอนหลับที่สามารถแบ่งได้อีก 3 ระยะ ดังต่อไปนี้ 

ระยะที่ 1 เริ่มง่วง 

เป็นช่วงเริ่มง่วง ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากช่วงที่ตื่นอยู่กลายเป็นกำลังนอนหลับ โดยมีระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที ในระยะนี้สมองของเราจะเริ่มทำงานช้าลง โดยหากถูกปลุกให้ตื่นจะไม่ค่อยงัวเงีย หรืออาจรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้นอนเลย หรือเพื่อนๆ บางคนเคยมีอาการตกใจตื่น (Hypnic Jerk) หรือตกจากที่สูงแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ในระยะนี้ไม่น่าห่วงเพราะจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายมากนัก

ระยะที่ 1 เริ่มง่วง 

เป็นช่วงเริ่มง่วง ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากช่วงที่ตื่นอยู่กลายเป็นกำลังนอนหลับ โดยมีระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที ในระยะนี้สมองของเราจะเริ่มทำงานช้าลง โดยหากถูกปลุกให้ตื่นจะไม่ค่อยงัวเงีย หรืออาจรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้นอนเลย หรือเพื่อนๆ บางคนเคยมีอาการตกใจตื่น (Hypnic Jerk) หรือตกจากที่สูงแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ในระยะนี้ไม่น่าห่วงเพราะจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายมากนัก

ระยะที่ 2 เคลิ้มหลับ 

เป็นช่วงผล็อยหลับหรือเคลิ้มหลับที่เราเรียกว่า ช่วงหลับตื้น (Light Sleep) หรือกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างการเริ่มหลับไปจนถึงหลับลึก ในระยะนี้หัวใจของเราจะเริ่มเต้นช้าลง อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลงเล็กน้อย สำหรับการนอนในระยะนี้จะคิดเป็น 50% ของการนอน ข้อดีของการนอนหลับในระยะนี้คือจะกระตุ้นความทรงจำในระยะสั้น รวมถึงช่วยเพิ่มสมาธิได้ดี

ระยะที่ 2 เคลิ้มหลับ 

เป็นช่วงผล็อยหลับหรือเคลิ้มหลับที่เราเรียกว่า ช่วงหลับตื้น (Light Sleep) หรือกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างการเริ่มหลับไปจนถึงหลับลึก ในระยะนี้หัวใจของเราจะเริ่มเต้นช้าลง อุณหภูมิในร่างกายจะลดต่ำลงเล็กน้อย สำหรับการนอนในระยะนี้จะคิดเป็น 50% ของการนอน ข้อดีของการนอนหลับในระยะนี้คือจะกระตุ้นความทรงจำในระยะสั้น รวมถึงช่วยเพิ่มสมาธิได้ดี

ระยะที่ 3 หลับลึก 

ในช่วงนี้แหล่ะที่เราหลับลึกที่สุด (Deep Sleep) หากใครที่ถูกปลุกในระยะนี้จะทำให้ตื่นยากมากที่สุด เพราะว่าร่างกายเริ่มจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก หากถูกปลุกจะง่วงและงัวเงียมากๆ เพราะร่างกายอยู่ในภาวะของการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ข้อดีคือร่างกายจะมีการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย 

ระยะที่ 3 หลับลึก 

ในช่วงนี้แหล่ะที่เราหลับลึกที่สุด (Deep Sleep) หากใครที่ถูกปลุกในระยะนี้จะทำให้ตื่นยากมากที่สุด เพราะว่าร่างกายเริ่มจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก หากถูกปลุกจะง่วงและงัวเงียมากๆ เพราะร่างกายอยู่ในภาวะของการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ข้อดีคือร่างกายจะมีการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย 

2) ช่วงหลับฝัน REM Sleep (Rapid Eye Movement)

สำหรับการนอนในช่วงหลับฝันนั้น การทำงานของสมองจะทำงานใกล้เคียงกับในช่วงที่เราตื่น ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวไปมาของดวงตาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นช่วงที่เราอาจจะฝันได้มากกว่าช่วงอื่นๆ โดยการนอนหลับช่วงนี้จะมีส่วนช่วยในเรื่องของความทรงจำ การสร้างจินตนาการ และการเรียนรู้ถาวรของมนุษย์ได้

2) ช่วงหลับฝัน REM Sleep (Rapid Eye Movement)

สำหรับการนอนในช่วงหลับฝันนั้น การทำงานของสมองจะทำงานใกล้เคียงกับในช่วงที่เราตื่น ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวไปมาของดวงตาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นช่วงที่เราอาจจะฝันได้มากกว่าช่วงอื่นๆ โดยการนอนหลับช่วงนี้จะมีส่วนช่วยในเรื่องของความทรงจำ การสร้างจินตนาการ และการเรียนรู้ถาวรของมนุษย์ได้

การทำงานของวงจรการนอนหลับ 

เมื่อเราทิ้งตัวลงนอนนั้น ในขณะที่ตาเริ่มปิด เราเริ่มหลับ ร่างกายของเราจะเข้าสู่ระยะ Non-REM ระยะที่ 1 และค่อยๆ ไปสู่ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ตามลำดับ พูดง่ายๆ คือร่างกายเข้าสู่ช่วงเริ่มง่วง เคลิ้มหลับ และหลับลึกในที่สุด ก่อนที่จะถอยกลับสู่ระยะ Non-REM จากระยะที่ 3 ไประยะที่ 2 และ 1 อีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยเข้าสู่ระยะ REM หรือหลับฝัน แล้วจะกลับมาเริ่มนับวงจรการนอนหลับใหม่อีกครั้ง หรือเข้าสู่ Non-REM ระยะที่ 1, 2, และ 3

โดยเราจะเริ่มนับหนึ่งรอบการนอนหลับ (1 Sleep Cycle) จากจุดเริ่มต้นของระยะ REM ไปสู่จุดเริ่มต้นของระยะ REM อีกรอบหนึ่งนั่นเอง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 90 นาที โดยประกอบไปด้วย 

  • Non-REM ประมาณ 80 นาที
  • REM อีก 10 นาที

สำหรับ 1 คืนการนอนควรจะมีจำนวนรอบประมาณ 3-6 รอบ จึงถือว่าเป็นการนอนที่มีคุณภาพ และไม่ทำให้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงีย

โดยเราจะเริ่มนับหนึ่งรอบการนอนหลับ (1 Sleep Cycle) จากจุดเริ่มต้นของระยะ REM ไปสู่จุดเริ่มต้นของระยะ REM อีกรอบหนึ่งนั่นเอง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 90 นาที โดยประกอบไปด้วย 

  • Non-REM ประมาณ 80 นาที
  • REM อีก 10 นาที

สำหรับ 1 คืนการนอนควรจะมีจำนวนรอบประมาณ 3-6 รอบ จึงถือว่าเป็นการนอนที่มีคุณภาพ และไม่ทำให้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงีย

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าวงจรการนอนหลับมีความสำคัญมาก เราควรนอนหลับให้มีคุณภาพเพื่อให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อการนอนหลับให้ดีที่สุดควรเลือกหมอนที่มีคุณภาพ รองรับต้นคอและศีรษะอย่างพอดี


นั่นก็คือ หมอนโคซี่ จาก Chowa หมอนที่สามารถปรับความสูงและต่ำได้ตามต้องการ ด้านในผลิตจากวัสดุไฮเปอร์เมมโมรี่โฟมและไมโครไฟเบอร์  ให้สัมผัสนุ่มนวลและหรูหรา เหมือนนอนอยู่บนปุยเมฆ


คลิกปุ่มด้านล่างเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมอนโคซี่

ดูรายละเอียดหมอนโคซี่

Chowa 초와 สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพการนอนระดับพรีเมี่ยมจากประเทศเกาหลี

ที่จะยกระดับการนอนและการพักผ่อนของคุณให้ดียิ่งขึ้น

คุณมีปัญหาเรื่องการนอนอยู่หรือเปล่า?นั่นก็เพราะว่าคุณยังไม่เคยใช้สินค้าของ Chowa


Chowa โชวาอยากเห็นคนไทยได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เหมือนคนเกาหลี เพราะเราเชื่อว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โชวาจึงเริ่มจากวิจัยการใช้ชีวิตของคนเกาหลี และนำเอานวัตกรรมหมอนเกาหลีมาประยุกต์ใช้กับหมอนโคซี่ของเรา เราฝันอยากจะให้คนไทยได้ใช้สินค้าที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเหมือนที่คนเกาหลีใช้


หมอนโคซี่ใบนี้เป็นหมอนที่สร้างมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ พิเศษที่สามารถปรับความสูงต่ำของหมอนได้ตามต้องการ วัสดุด้านในประกอบไปด้วยไฮเปอร์เมมโมรี่โฟมและไมโครไฟเบอร์ ช่วยรองรับต้นคอและศีรษะอย่างพอดี ให้สัมผัสเหมือนนอนอยู่บนปุยเมฆที่นุ่มฟู


Chowa โชวา 

"เราเชื่อว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด"

저희는 휴식이 가장 중요하다고 믿습니다


ดูรายละเอียดสินค้าทั้งหมด

หมอนโคซี่

코지 베개

4.9
ช้อปสินค้า

หมอนพิงหลัง

기절 등베개

4.9
ช้อปสินค้า

หมอนบอดี้

바디 베개

4.9
ช้อปสินค้า

ลูกค้าที่เคยใช้งานพูดถึงสินค้า Chowa ว่า…

“เป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่ใช้ดีทุกชิ้นเลยจริงๆ การนอนดีขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้หมอนโชวา ซื้อไปฝากญาติพี่น้องทุกคนในครอบครัว ก็ติดใจกันหมด ใครที่ยังไม่เคยใช้บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ ” — คุณ ภัทรพร


ลองสินค้าสลบเหมือดสุดพรีเมี่ยมของโชวาเลย! รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน


ดูสินค้าทั้งหมด